หินปูน (Calculus หรือ Tartar) คือคราบจุลินทรีย์ที่แข็งตัวจากการสะสมของแร่ธาตุในน้ำลาย เมื่อไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม จะเกาะติดแน่นบนผิว ฟัน และใต้เหงือก นำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากต่างๆ เช่น เหงือกอักเสบ ฟันผุ และโรคปริทันต์ การแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่เหมาะสมเป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยป้องกันและลดการสะสมของหินปูนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับยาสีฟันที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันและลดหินปูน พร้อมหลักการเลือกใช้อย่างถูกต้อง
หินปูนเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ก่อนจะเข้าใจว่ายาสีฟันช่วยป้องกันหินปูนได้อย่างไร ต้องรู้ก่อนว่าหินปูนก่อตัวจากกระบวนการต่อไปนี้:
- การสะสมของคราบจุลินทรีย์ (Plaque) – เกิดจากแบคทีเรียรวมตัวกับเศษอาหารและน้ำลาย ติดอยู่บนผิวฟัน
- การแข็งตัวของคราบจุลินทรีย์ – เมื่อคราบจุลินทรีย์สัมผัสกับแร่ธาตุในน้ำลาย (เช่น แคลเซียมและฟอสเฟต) จะกลายเป็นหินปูนภายใน 10–14 วัน
- การสะสมเพิ่มขึ้น – หินปูนที่แข็งตัวแล้วไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรงฟันปกติ ต้องพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน
สารสำคัญในยาสีฟันที่ช่วยป้องกันและลดหินปูน
ยาสีฟันที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านหินปูนควรมีส่วนผสมหลักดังนี้:
1. ฟลูออไรด์ (Fluoride)
- ช่วยป้องกันฟันผุ และเสริมสร้างเคลือบฟันให้แข็งแรง
- ลดการเกาะตัวของแบคทีเรีย บนผิว ฟัน
- รูปแบบที่พบ: โซเดียมฟลูออไรด์ (Sodium Fluoride), โมโนฟลูออโรฟอสเฟต (Monofluorophosphate)
2. พิโรฟอสเฟต (Pyrophosphates)
- ยับยั้งการตกผลึกของแร่ธาตุ ที่ทำให้คราบจุลินทรีย์แข็งตัว
- พบในยาสี ฟัน ลดหินปูนสูตรเฉพาะ เช่น Colgate Tartar Control, Crest Anti-Calculus
3. สังกะสี ซิเตรต (Zinc Citrate)
- ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดคราบพลัค
- ช่วยควบคุมกลิ่นปาก
4. ไตรโคลซาน (Triclosan)
- สารต้านแบคทีเรีย ที่ช่วยลดการอักเสบของเหงือก
- พบในยาสีฟันบางยี่ห้อ เช่น Colgate Total
5. คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine)
- ใช้ในยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก สำหรับผู้มีปัญหาเหงือกอักเสบ
- ช่วยลดการสะสมของคราบพลัค แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำทันตแพทย์
ยาสีฟันที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันและลดหินปูน
จากการศึกษาส่วนประกอบและประสิทธิภาพ ยาสีฟันต่อไปนี้ได้รับการยอมรับว่าช่วยป้องกันและลดหินปูนได้ดี:
**1. Colgate Total Advanced Deep Clean
- จุดเด่น: มีฟลูออไรด์และไตรโคลซาน ช่วยลดแบคทีเรียได้ 12 ชั่วโมง
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการป้องกันทั้งหินปูนและกลิ่นปาก
**2. Crest Tartar Protection
- จุดเด่น: มีโซเดียมฟลูออไรด์และพิโรฟอสเฟต ช่วยยับยั้งการก่อตัวของหินปูน
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาหินปูนเกาะง่าย
**3. Sensodyne Pronamel Gentle Whitening
- จุดเด่น: ปกป้องเคลือบฟันและลดการสะสมหินปูน พร้อมฟลูออไรด์เข้มข้น
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีฟันสึกหรือเสียวฟัน
**4. Parodontax Anti-Bleeding
- จุดเด่น: มีสังกะสี ซิเตรตและสมุนไพรธรรมชาติ ช่วยลดเลือดออกเหงือก
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีปัญหาเหงือกอักเสบจากหินปูน
**5. Oral-B Pro-Expert Clinic Line Anti-Tartar
- จุดเด่น: มีเทคโนโลยีป้องกันการตกตะกอนของแร่ธาตุ
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการยาสีฟันประสิทธิภาพสูง
วิธีเลือกยาสีฟันป้องกันหินปูนที่เหมาะกับคุณ
1. ดูส่วนผสมหลัก
- เลือกยาสีฟันที่มี ฟลูออไรด์ และ พิโรฟอสเฟต
- หากมีปัญหาเหงือกอักเสบ ให้มองหายาสีฟันที่มี คลอร์เฮกซิดีน หรือ ไตรโคลซาน
2. พิจารณาปัญหาสุขภาพช่องปาก
- หินปูนมาก: เลือกสูตร Anti-Tartar หรือ Tartar Control
- เสียวฟัน: ใช้ยาสีฟันที่มีโพแทสเซียมไนเตรต
- เหงือกอักเสบ: ใช้ยาสีฟันสมุนไพรหรือสูตรเฉพาะ
3. หลีกเลี่ยงสารที่อาจเป็นอันตราย
- SLS (โซเดียม ลอริล ซัลเฟต) – อาจทำให้ระคายเคือง
- สารขัดฟันแรง – เช่น ซิลิกากราวๆ อาจทำลายเคลือบฟัน
เทคนิคการใช้ยาสีฟันให้ได้ผลสูงสุด
แม้จะใช้ยาสีฟันที่ดี แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธี:
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง (เช้าและก่อนนอน)
- ใช้ปริมาณยาสีฟันพอเหมาะ (ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว)
- แปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที ให้ทั่วทุกซี่
- ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน
- บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากเสริม (หากจำเป็น)
ทางเลือกอื่นในการลดหินปูน
นอกจากการใช้ยาสีฟันแล้ว ควรทำควบคู่กับวิธีเหล่านี้:
- พบทันตแพทย์ขูดหินปูนทุก 6 เดือน
- ลดอาหารหวานและน้ำอัดลม
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อชะล้างแบคทีเรีย
- เลิกบุหรี่ (การสูบบุหรี่เร่งการเกิดหินปูน)
ยาสีฟันที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดหินปูน (ต่อ)
6. ยาสีฟันสมุนไพรทางเลือกสำหรับผู้ต้องการสารธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมีบางชนิด มียาสีฟันสมุนไพรที่ช่วยลดหินปูนได้เช่นกัน:
Dentiste’ Plus White Night Toothpaste
- ส่วนผสมหลัก: สารสกัดจากเปลือกมังคุด ใบชาเขียว และดอกคาโมไมล์
- ประสิทธิภาพ: ลดการก่อตัวของคราบพลัคได้ถึง 45% จากการศึกษา 3 เดือน
- เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ชอบยาสีฟันสมุนไพรและต้องการลดการใช้สารเคมี
Twelve BioMin F Toothpaste
- เทคโนโลยีพิเศษ: ใช้ฟลูออไรด์รูปแบบแคลเซียมฟอสเฟตที่ปล่อยสารออกมาช้าๆ
- จุดเด่น: ช่วยซ่อมแซมเคลือบฟันขณะลดการสะสมหินปูน
- ผลวิจัย: ลดหินปูนได้ 38% ในผู้ใช้ต่อเนื่อง 6 เดือน
7. ยาสีฟันสำหรับกลุ่มผู้ใช้เฉพาะ
สำหรับผู้จัดฟัน
- แนะนำ: OrthoKin Toothpaste
- จุดเด่น: มีเอนไซม์โปรตีเอสที่สลายคราบพลัครอบเครื่องมือจัดฟัน
- ผลการศึกษา: ลดการสะสมหินปูนรอบ brackets ได้ 52%
สำหรับผู้สูงอายุ
- แนะนำ: PearlDrops Anti-Ageing Toothpaste
- เทคโนโลยี: ประกอบด้วยนาโน-ไฮดรอกซีอะพาไทต์ที่ช่วยเติมเต็มร่องฟัน
- ประโยชน์เพิ่ม: ลดอาการเสียวฟันและฟื้นฟูผิวฟัน
การเปรียบเทียบประสิทธิภาพยาสีฟันลดหินปูน
ยี่ห้อ/สูตร | สารออกฤทธิ์หลัก | ประสิทธิภาพลดหินปูน | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|---|---|
Colgate Total Deep Clean | ไตรโคลซาน + ฟลูออไรด์ | 63% (12 สัปดาห์) | 80-120 |
Crest Tartar Protection | พิโรฟอสเฟต + ฟลูออไรด์ | 58% (12 สัปดาห์) | 90-150 |
Sensodyne Pronamel | โพแทสเซียมไนเตรต | 49% (16 สัปดาห์) | 130-180 |
Dentiste’ Plus White | สารสกัดมังคุด | 45% (12 สัปดาห์) | 200-250 |
Oral-B Pro-Expert | สังกะสีซิเตรต | 67% (8 สัปดาห์) | 150-200 |
ข้อมูลประสิทธิภาพจาก Journal of Clinical Dentistry (2022)
เทคนิคการใช้ยาสีฟันเพิ่มประสิทธิภาพ
- วิธีแปรงฟันแบบ Bass (Modified Bass Technique)
- วางแปรงทำมุม 45 องศาเข้าหาเหงือก
- ขยับแปรงสั้นๆ แนวนอนประมาณ 10-15 ครั้งต่อตำแหน่ง
- ใช้แรงกดเพียง 150-200 กรัม (ประมาณน้ำหนักส้ม 1 ลูก)
- ระบบเวลาแปรงฟัน 4-2-4
- 4 นาที สำหรับการแปรงปกติ
- 2 นาที สำหรับการใช้ไหมขัดฟัน
- 4 นาที สำหรับน้ำยาบ้วนปาก
- การเก็บรักษายาสีฟัน
- เก็บในที่แห้ง ไม่ชื้น
- หลีกเลี่ยงการวางในห้องน้ำที่อับชื้น
- ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่หมดอายุ (โดยทั่วไป 2 ปีหลังเปิดใช้)
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับยาสีฟันลดหินปูน
- “ยาสีฟันขจัดหินปูนได้โดยไม่ต้องขูด”
- ความจริง: ยาสีฟันป้องกันการเกิดหินปูนใหม่ แต่ไม่สามารถกำจัดหินปูนที่แข็งตัวแล้ว
- “ยิ่งใช้ยาสีฟันมากยิ่งดี”
- ความจริง: ควรใช้เพียงปริมาณเมล็ดถั่ว ลดการกลืนฟลูออไรด์เกินขนาด
- “ยาสีฟันราคาแพงกว่าดีกว่าเสมอ”
- ความจริง: ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับส่วนผสม ไม่ใช่ราคาเสมอไป
นวัตกรรมล่าสุดในการพัฒนายาสีฟันต้านหินปูน
- นาโนเทคโนโลยีในการส่งสารออกฤทธิ์
- ระบบไมเซลล์ที่ปล่อยสารต้านแบคทีเรียอย่างช้าๆ
- อนุภาคนาโนที่เจาะจงทำลาย biofilm ของแบคทีเรีย
- ยาสีฟันโปรไบโอติก
- เพิ่มเชื้อแบคทีเรียดีที่แข่งขันกับเชื้อก่อหินปูน
- ลดปริมาณ Streptococcus mutans หลักๆ ที่ทำให้เกิดพลัค
- ยาสีฟันอัจฉริยะที่เปลี่ยนสีเมื่อพบคราบหินปูน
- ใช้เทคโนโลยีสีตอบสนองต่อ pH
- ช่วยให้ผู้ใช้รู้จุดที่ต้องทำความสะอาดเพิ่มเติม
คำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ทพ.ญ. กุลยา สุขสมบูรณ์ จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็น:
“การเลือกยาสีฟันควรพิจารณาจากปัญหาช่องปากเป็นหลัก ไม่มีสูตรใดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ผู้ที่มีหินปูนมากควรเลือกสูตรที่มีพิโรฟอสเฟตร่วมกับฟลูออไรด์ และต้องไม่ลืมว่ายาความสะอาดช่องปากที่ถูกวิธีสำคัญกว่ายาสีฟันที่ใช้”
โปรแกรมดูแลช่องปากแบบครบวงจรเพื่อลดหินปูน
- สัปดาห์ที่ 1-4
- ใช้ยาสีฟันต้านหินปูนวันละ 2 ครั้ง
- เริ่มใช้ไหมขัดฟันทุกคืน
- นัดพบทันตแพทย์เพื่อตรวจพื้นฐาน
- สัปดาห์ที่ 5-8
- ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าร่วมด้วย
- เริ่มใช้น้ำยาบ้วนปากลดคราบพลัค
- ปรับพฤติกรรมการกิน ลดของหวาน
- สัปดาห์ที่ 9-12
- ตรวจผลลัพธ์กับทันตแพทย์
- ปรับสูตรยาสีฟันตามความจำเป็น
- พิจารณาการขูดหินปูนหากจำเป็น
สรุปสุดท้าย
ยาสีฟันที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดหินปูนควรมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ:
- ฟลูออไรด์ สำหรับเสริมสร้างเคลือบฟัน
- สารยับยั้งการตกตะกอน เช่น พิโรฟอสเฟตหรือสังกะสีซิเตรต
- สารต้านแบคทีเรีย ที่เหมาะสมกับสภาพช่องปาก
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่ายาสีฟันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลช่องปาก การแปรงฟันที่ถูกวิธีร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันและการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน คือหัวใจสำคัญของการป้องกันหินปูนอย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่มีหินปูนสะสมมากแล้ว ควรพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดแบบมืออาชีพ ก่อนเริ่มใช้ยาสีฟันป้องกันหินปูนอย่างจริงจัง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว