Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    jobthaidb
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    jobthaidb
    ความบันเทิง

    ศึกแสงเหนือ: อลาสก้า vs นอร์เวย์ – ที่ไหนชมแสงออโรราได้ดีที่สุด?

    Anthony BennettBy Anthony BennettAugust 1, 2025Updated:August 1, 2025No Comments2 Mins Read

    แสงเหนือ หรือ อลาสก้า ออโรรา บอเรียลิส (Aurora Borealis) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก เกิดจากการชนกันระหว่างอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์กับก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก สร้างแสงสีเขียว ชมพู ม่วง และแดงที่เคลื่อนไหวราวกับผีเสื้อกลางคืน แสงเหนือเป็นความฝันของนักเดินทางหลายคน แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ “อลาสก้าหรือนอร์เวย์ ที่ไหนชมแสงเหนือได้ดีกว่ากัน?”

    ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบสองสถานที่ยอดนิยมในการชมแสงเหนือ คือ อลาสก้า (สหรัฐอเมริกา) และ นอร์เวย์ โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ เช่น สภาพอากาศ ความถี่ของแสงเหนือ ระยะเวลาในการท่องเที่ยว และประสบการณ์โดยรวม


    1. ความถี่และความชัดเจนของแสงเหนือ

    อลาสก้า: ดินแดนแห่งแสงเหนือของอเมริกา

    อลาสก้าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการชมแสงเหนือ เนื่องจากอยู่ใกล้กับ วงออโรรา (Auroral Oval) ซึ่งเป็นแถบที่แสงเหนือปรากฏบ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมือง แฟร์แบงส์ (Fairbanks) ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงถึง เกือบ 90% หากพักอยู่ 3 คืนในช่วงฤดูหนาว

    จุดเด่นของอลาสก้า:

    • ความถี่สูง: ในช่วงเดือนกันยายนถึงเมษายน มีโอกาสเห็นแสงเหนือเกือบทุกคืนหากท้องฟ้าเปิด
    • ความเข้มของแสง: แสงเหนือในอลาสก้ามักมีความเข้มสูงและชัดเจนเนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งและเย็นจัด

    นอร์เวย์: ราชินีแห่งแสงเหนือของยุโรป

    นอร์เวย์ โดยเฉพาะเมือง ทรอมโซ (Tromsø) และหมู่เกาะ ลอฟoten (Lofoten) เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับการชมแสงเหนือ เนื่องจากอยู่ในเขต อาร์กติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) ซึ่งมีโอกาสเห็นแสงเหนือบ่อยครั้ง

    จุดเด่นของนอร์เวย์:

    • แสงเหนือที่สวยงาม: เนื่องจากอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ แสงเหนือที่นอร์เวย์มักมีสีสันหลากหลายและเคลื่อนไหวช้าๆ
    • สภาพอากาศที่ค่อนข้างอุ่นกว่า: เมื่อเทียบกับอลาสก้า อุณหภูมิในนอร์เวย์อาจไม่เย็นจัดเท่า ทำให้การรอชมแสงเหนือสบายกว่า

    สรุป: ทั้งอลาสก้าและนอร์เวย์มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูง แต่ อลาสก้ามีโอกาสเห็นบ่อยกว่าในบางพื้นที่ ขณะที่ นอร์เวย์ให้ประสบการณ์ที่โรแมนติกและหลากหลายกว่า


    2. สภาพอากาศและช่วงเวลาที่เหมาะสม

    อลาสก้า: หนาวจัดแต่ชัดเจน

    • ฤดูชมแสงเหนือ: กันยายน – เมษายน
    • อุณหภูมิ: ติดลบ 10°C ถึง -30°C ในฤดูหนาว
    • ความท้าทาย: อากาศหนาวจัดอาจทำให้การรอชมแสงเหนือลำบาก แต่ท้องฟ้าแจ่มใสบ่อยครั้ง

    นอร์เวย์: อากาศไม่หนาวจัดแต่มีเมฆมากกว่า

    • ฤดูชมแสงเหนือ: ปลายกันยายน – มีนาคม
    • อุณหภูมิ: อยู่ระหว่าง -5°C ถึง -15°C ในทรอมโซ
    • ความท้าทาย: นอร์เวย์มีฝนและหิมะบ่อย อาจมีเมฆบังแสงเหนือ

    สรุป: อลาสก้ามีสภาพอากาศที่แห้งและท้องฟ้าเปิดบ่อยกว่า แต่หนาวจัด ในขณะที่ นอร์เวย์อาจมีเมฆมากกว่าแต่สบายกว่ารอชมแสงเหนือ


    3. การเดินทางและที่พัก

    อลาสก้า

    • การเดินทาง: ต้องบินไปยัง แอนเคอเรจ (Anchorage) แล้วต่อรถหรือเครื่องบินไปแฟร์แบงส์
    • ที่พัก: มีทั้งโรงแรมและลอดจ์เฉพาะสำหรับชมแสงเหนือ เช่น Chena Hot Springs Resort ที่มีบริการแช่น้ำร้อนพร้อมชมแสงเหนือ

    นอร์เวย์

    • การเดินทาง: บินตรงไป ออสโล (Oslo) แล้วต่อเครื่องไป ทรอมโซ หรือ ลอฟoten
    • ที่พัก: มีทั้งโรงแรมและกระท่อมแบบอาร์กติก เช่น Glass Igloos ที่นอนดูแสงเหนือผ่านหลังคาใส

    สรุป: นอร์เวย์สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวจากยุโรป ส่วน อลาสก้าเหมาะกับผู้ที่มาจากอเมริกาและเอเชีย


    4. ประสบการณ์การท่องเที่ยวอื่นๆ

    อลาสก้า

    • กิจกรรมเสริม: ล่าสัตว์ นั่งสุนัขลากเลื่อน ชมธารน้ำแข็ง
    • ธรรมชาติ: ป่า ทุ่งหิมะ และภูเขาสูงตระหง่าน

    นอร์เวย์

    • กิจกรรมเสริม: ล่องเรือชมฟยอร์ด นั่งเรือดูวาฬ พักในกระท่อมชาวประมง
    • วัฒนธรรม: ชมหมู่บ้านชาวซามี (Sami) และอาหารท้องถิ่นแบบนอร์ดิก

    สรุป: นอร์เวย์ให้ประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งวัฒนธรรมและธรรมชาติ ส่วน อลาสก้าเหมาะกับคนรักธรรมชาติแบบสุดขั้ว


    5. งบประมาณ

    อลาสก้า

    • ค่าใช้จ่ายสูง: โดยเฉพาะการเดินทางจากเอเชีย
    • ที่พักและทัวร์: ค่อนข้างแพง แต่มีตัวเลือกหลากหลาย

    นอร์เวย์

    • ค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน: โดยเฉพาะค่าอาหารและที่พัก
    • ข้อดี: สามารถเดินทางจากยุโรปได้ง่ายกว่า

    สรุป: ทั้งสองที่ใช้งบประมาณใกล้เคียงกัน แต่ นอร์เวย์อาจแพงกว่าในบางด้าน

    6. การถ่ายภาพแสงเหนือ: อลาสก้าหรือนอร์เวย์เหมาะกว่ากัน?

    การถ่ายภาพแสงเหนือเป็นความฝันของช่างภาพหลายคน แต่ละสถานที่ให้มุมมองและบรรยากาศที่แตกต่างกัน

    อลาสก้า: ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เป็นแบ็คดรอป

    • จุดเด่น: ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ป่าเขาลำเนาไพร และทุ่งหิมะขาวโพลนช่วยเสริมความสวยงามของแสงเหนือ
    • สถานที่ยอดนิยม:
      • Fairbanks: มีจุดชมวิวหลายแห่ง เช่น Cleary Summit และ Chena Lakes
      • Denali National Park: แสงเหนือกับฉากหลังเป็นภูเขาเดนาลี (ภูเขาสูงที่สุดในอเมริกาเหนือ)
    • เคล็ดลับ: เนื่องจากอากาศหนาวจัด ควรเตรียมแบตเตอรี่สำรองเพราะความเย็นอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว

    นอร์เวย์: ฟยอร์ดและหมู่บ้านชายฝั่งที่สวยงาม

    • จุดเด่น: แสงเหนือสะท้อนกับผิวน้ำในฟยอร์ด หรือฉากหลังเป็นหมู่บ้านชาวประมงสีแดงสด
    • สถานที่ยอดนิยม:
      • Tromsø: สามารถถ่ายภาพแสงเหนือกับสะพาน Arctic Cathedral
      • Lofoten Islands: แสงเหนือเหนือหมู่บ้านเรียงรายริมทะเล
      • North Cape (Nordkapp): จุดเหนือสุดของยุโรปที่ให้มุมมองกว้างใหญ่
    • เคล็ดลับ: ใช้ฟยอร์ดหรือทะเลเป็นองค์ประกอบเพื่อเพิ่มความน่าทึ่งให้ภาพ

    สรุป:

    • ชอบภาพธรรมชาติแบบอเมริกัน → เลือกอลาสก้า
    • ชอบภาพที่ดูโรแมนติกและมีเอกลักษณ์ → เลือก นอร์เวย์

    7. วัฒนธรรมและประสบการณ์ท้องถิ่น

    นอกจากการชมแสงเหนือแล้ว การได้สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นก็เป็นส่วนสำคัญของการเดินทาง

    อลาสก้า: วัฒนธรรมพื้นเมืองและชีวิตแบบพีโอเนียร์

    • วัฒนธรรมอะแลสกา:
      • ชาว Inuit และ Athabascan: สามารถเรียนรู้วิถีชีวิตดั้งเดิมผ่านหมู่บ้านพื้นเมือง
      • Gold Rush History: ชมเมืองเก่าๆ เช่น Nome หรือ Skagway ที่ยังคงกลิ่นอายยุคตื่นทอง
    • อาหาร:
      • King Crab: ปูยักษ์อลาสก้าที่มีเนื้อแน่นและหวาน
      • Salmon: แซลมอนสดจากแม่น้ำอลาสกา

    นอร์เวย์: วัฒนธรรมนอร์ดิกและชาวซามี

    • วัฒนธรรมนอร์เวย์:
      • ชาวซามี (Sami): ชนพื้นเมืองอาร์กติกที่ยังคงเลี้ยงกวางเรนเดียร์ สามารถเยี่ยมชมหมู่บ้านและเรียนรู้วิถีชีวิต
      • วิกกิ้ง: พิพิธภัณฑ์หลายแห่งบอกเล่าประวัติศาสตร์ยุคไวกิ้ง
    • อาหาร:
      • Lutefisk: ปลาตากแห้งแบบดั้งเดิม
      • Brunost: ชีสสีน้ำตาลรสหวานที่เป็นเอกลักษณ์

    สรุป:

    • ชอบวัฒนธรรมพื้นเมืองอเมริกันและประวัติศาสตร์ → อลาสก้า
    • สนใจวัฒนธรรมนอร์ดิกและชาวอาร์กติก → นอร์เวย์

    8. เคล็ดลับเพิ่มโอกาสเห็นแสงเหนือ

    ไม่ว่าจะไปอลาสก้าหรือนอร์เวย์ การเห็นแสงเหนือขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย นี่คือเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มโอกาส:

    1. ตรวจสอบ “KP Index”

    • KP Index คือตัววัดความแรงของแสงเหนือ (0-9)
    • KP 3+: เห็นได้ชัดในอลาสก้าและนอร์เวย์
    • KP 5+: แสงเหนืออาจเห็นได้ไกลถึงสกอตแลนด์หรือแคนาดา

    2. หลีกเลี่ยงแสงเมือง

    • ห่างจากเมืองใหญ่เพื่อลดมลภาวะทางแสง
    • ในอลาสก้า: Chena Hot Springs หรือ Murphy Dome
    • ในนอร์เวย์: Ersfjordbotn หรือ Sommarøy

    3. ใช้แอปพยากรณ์แสงเหนือ

    • My Aurora Forecast & Alerts (สำหรับทั้งอลาสก้าและนอร์เวย์)
    • YR.no (พยากรณ์อากาศเฉพาะนอร์เวย์)

    4. พักหลายคืน

    • ไม่มีใครการันตีว่าแสงเหนือจะมาในคืนแรก ดังนั้นควรพักอย่างน้อย 3-5 คืน

    9. สรุปเปรียบเทียบฉบับเต็ม:อลาสก้าvs นอร์เวย์

    ปัจจัยอลาสก้านอร์เวย์
    โอกาสเห็นแสงเหนือสูงมาก (Fairbanks 90% ใน 3 คืน)สูง แต่ขึ้นอยู่กับเมฆ
    สภาพอากาศหนาวจัด แต่ท้องฟ้าแจ่มใสบ่อยเย็นแต่ไม่สุดขั้ว มีเมฆมากกว่า
    การเดินทางจากเอเชีย/อเมริกาสะดวกจากยุโรปสะดวก
    กิจกรรมเสริมสุนัขลากเลื่อน, ธารน้ำแข็งฟยอร์ด, วาฬ, วัฒนธรรมซามี
    การถ่ายภาพธรรมชาติแบบกว้างใหญ่ฟยอร์ดและหมู่บ้านชายฝั่ง
    วัฒนธรรมพื้นเมืองอะแลสกาและยุคตื่นทองนอร์ดิกและชาวซามี
    งบประมาณสูง โดยเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินสูง โดยเฉพาะค่าที่พักและอาหาร

    10. สุดท้าย… แล้วที่ไหนดีที่สุด?

    คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับคุณ!”

    • ถ้าคุณต้องการโอกาสเห็นแสงเหนือสูงสุด + ชอบธรรมชาติแบบอเมริกัน →อลาสก้า
    • ถ้าคุณอยากได้แสงเหนือพร้อมวัฒนธรรมยุโรป + ฟยอร์ดสวยๆ → นอร์เวย์

    ไม่ว่าคุณจะเลือกที่ไหน แสงเหนือคือประสบการณ์มหัศจรรย์ที่คุ้มค่ากับการเดินทางครั้งหนึ่งในชีวิต เตรียมตัวให้พร้อม อดทนรอคอย แล้วคุณจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่สวยงามที่สุดในธรรมชาติ!

    ศึกแสงเหนือ: อลาสก้า vs นอร์เวย์ – ที่ไหนชมแสงออโรราได้ดีที่สุด?
    Anthony Bennett

    Related Posts

    เจนีวา น้ำพุ Jet d’Eau อันเลื่องชื่อและศูนย์กลางทางการทูต

    July 31, 2025

    แซนด์บอร์ดดิ้งที่มุยเน่: ลื่นไถลบนเนินทรายสุดงดงามของ เวียดนาม

    July 30, 2025

    เกินกว่า หอเอน เมืองปีซา อลังการด้วยประวัติศาสตร์และมุมลับ

    July 29, 2025

    Comments are closed.

    Recent Posts
    • ศึกแสงเหนือ: อลาสก้า vs นอร์เวย์ – ที่ไหนชมแสงออโรราได้ดีที่สุด?
    • เจนีวา น้ำพุ Jet d’Eau อันเลื่องชื่อและศูนย์กลางทางการทูต
    • แซนด์บอร์ดดิ้งที่มุยเน่: ลื่นไถลบนเนินทรายสุดงดงามของ เวียดนาม
    • เกินกว่า หอเอน เมืองปีซา อลังการด้วยประวัติศาสตร์และมุมลับ
    • ดูร์บี (Durbuy): เมืองที่ เล็กที่สุด ในโลกที่คุ้มค่ากับการไปเยือน

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.