Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    jobthaidb
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    jobthaidb
    สุขภาพ

    จริงหรือไม่ที่การช่วยตัวเองบ่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อ สุขภาพ องคชาต?

    Anthony BennettBy Anthony BennettAugust 10, 2025No Comments2 Mins Read

    การช่วยตัวเองเป็นพฤติกรรมทางเพศที่พบได้ทั่วไปทั้งในเพศชายและเพศหญิง แต่มีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับผลกระทบต่อ สุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพองคชาต บางคนเชื่อว่าการช่วยตัวเองบ่อยๆ อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อตอบคำถามว่า การช่วยตัวเองบ่อยๆ ส่งผลต่อสุขภาพองคชาตจริงหรือไม่


    1. การช่วยตัวเองคืออะไร และทำไมคนจึงทำ?

    การช่วยตัวเอง (Masturbation) หมายถึงการกระตุ้นอวัยวะเพศด้วยตัวเองเพื่อให้เกิดความพึงพอใจทางเพศหรือถึงจุดสุดยอด เป็นพฤติกรรมที่พบได้ในทุกช่วงอายุ และมีประโยชน์หลายด้าน เช่น:

    • ลดความเครียด เนื่องจากร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินและออกซิโทซิน
    • ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น หลังถึงจุดสุดยอด ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลาย
    • เป็นการเรียนรู้ร่างกายตัวเอง ทำให้เข้าใจว่าตนเองชอบการกระตุ้นแบบใด

    2. ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการช่วยตัวเองกับสุขภาพองคชาต

    มีหลายความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับผลเสียของการช่วยตัวเองบ่อยๆ ต่อสุขภาพองคชาต เช่น:

    ความเชื่อ 1: ทำให้องคชาตเสื่อมสมรรถภาพ

    ความจริง: ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการช่วยตัวเองทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง ในทางกลับกัน อาจช่วยให้ร่างกายคุ้นเคยกับการตอบสนองทางเพศ

    ความเชื่อ 2: ทำให้อสุจิหมดหรือมีลูกยาก

    ความจริง: ร่างกายผลิตอสุจิอย่างต่อเนื่อง การหลั่งอสุจิไม่ทำให้ร่างกายขาดแคลนอสุจิหรือมีภาวะมีบุตรยาก

    ความเชื่อ 3: ทำให้องคชาตเล็กหรือหย่อนสมรรถภาพ

    ความจริง: ขนาดขององคชาตไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากการช่วยตัวเอง และไม่ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพ (Erectile Dysfunction)


    3. ผลกระทบด้านบวกของการช่วยตัวเองต่อสุขภาพองคชาต

    การศึกษาพบว่าการช่วยตัวเองในระดับที่เหมาะสมอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพองคชาต เช่น:

    1. ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมาก

    • การศึกษาจาก Harvard School of Public Health พบว่าการหลั่งอสุจิอย่างน้อย 21 ครั้งต่อเดือน อาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก

    2. ช่วยฝึกการควบคุมการหลั่ง

    • การช่วยตัวเองอาจช่วยให้ผู้ชายเรียนรู้การควบคุมการหลั่งเร็ว (Premature Ejaculation) ได้ดีขึ้น

    3. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในองคชาต

    • การช่วยตัวเองกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังองคชาต ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงภาวะหย่อนสมรรถภาพ

    4. ผลกระทบด้านลบหากทำบ่อยเกินไป

    แม้การช่วยตัวเองจะไม่เป็นอันตราย แต่หากทำบ่อยเกินไปจนรบกวนชีวิตประจำวัน อาจส่งผลบางอย่าง เช่น:

    1. อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียชั่วคราว

    • การหลั่งอสุจิบ่อยเกินไปอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยหรือไม่มีพลังงาน

    2. อาจทำให้ผิวหนังบริเวณองคชาตระคายเคือง

    • การช่วยตัวเองด้วยวิธีที่รุนแรงหรือบ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดการถลอกหรือระคายเคือง

    3. อาจรบกวนชีวิตประจำวัน

    • หากทำบ่อยจนไม่สามารถควบคุมได้ อาจส่งผลต่อการทำงานหรือความสัมพันธ์

    5. ความถี่ที่เหมาะสมของการช่วยตัวเอง

    ไม่มีกฎตายตัวว่าควรทำบ่อยแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่หลักการทั่วไปคือ:

    • ไม่ควรทำจนกระทบชีวิตประจำวัน เช่น ขาดงานหรือเรียน
    • ไม่ควรทำจนทำให้อวัยวะเพศเจ็บหรือระคายเคือง
    • ควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการเสพติดหรือไม่

    6. สัญญาณที่ควรหยุดหรือปรึกษาแพทย์

    แม้การช่วยตัวเองจะไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์:
    ✅ มีอาการเจ็บหรืออักเสบบริเวณองคชาต
    ✅ ไม่สามารถควบคุมความต้องการได้ จนกระทบชีวิตประจำวัน
    ✅ มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศ เช่น หลั่งยากหรือแข็งตัวยาก


    7. วิธีช่วยตัวเองอย่างปลอดภัย

    เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:

    • ใช้มือหรืออุปกรณ์ที่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
    • ไม่บีบหรือกระตุ้นรุนแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดแผล
    • ใช้สารหล่อลื่น (Lubricant) เพื่อลดการเสียดสี

    8. ผลกระทบทางจิตวิทยาของการช่วยตัวเองบ่อยครั้ง

    ผลกระทบด้านบวก

    • การจัดการกับความเครียด: การช่วยตัวเองสามารถลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ได้ถึง 75% ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการหลั่ง
    • การพัฒนาความสัมพันธ์กับร่างกายตนเอง: ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเข้าใจในความต้องการทางเพศของตนเอง
    • การปรับปรุงอารมณ์: กระตุ้นการหลั่งโดปามีนและเซโรโทนินซึ่งช่วยปรับอารมณ์

    ผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น

    • ความรู้สึกผิดหรือละอายใจ: โดยเฉพาะในวัฒนธรรมที่มองพฤติกรรมนี้ในแง่ลบ
    • การเสพติดทางเพศ: พบได้ประมาณ 3-6% ของประชากรชาย ที่อาจพัฒนาเป็นพฤติกรรมบีบบังคับ (Compulsive Behavior)
    • ผลต่อความสัมพันธ์: อาจลดความสนใจในคู่ครองหากทำบ่อยเกินไป

    9. ผลต่อระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมน

    ผลต่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน

    • การศึกษาพบว่าการงดเว้นการหลั่งเกิน 7 วันอาจทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนลดลงเล็กน้อย
    • การหลั่ง 1 ครั้งสามารถเพิ่มระดับเทสโทสเตอโรนชั่วคราวได้ถึง 147% ในวันที่ 7 ของการงดเว้น

    ผลต่อคุณภาพอสุจิ

    • การหลั่งบ่อย (ทุกวัน) อาจลดปริมาณอสุจิต่อการหลั่ง แต่ไม่ส่งผลต่อคุณภาพโดยรวม
    • การงดเว้นเกิน 10 วันอาจทำให้อสุจิมีคุณภาพลดลงเนื่องจากความเสื่อมของเซลล์อสุจิ

    10. ผลต่อสมรรถภาพทางเพศในระยะยาว

    ผลดี

    • การป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพ: การช่วยตัวเองสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งในชายอายุ 40-70 ปีลดความเสี่ยง ED ลง 30%
    • การรักษาความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ: เหมือนการออกกำลังกายสำหรับองคชาต

    ผลเสียที่อาจเกิดขึ้น

    • การชินต่อการกระตุ้น: อาจทำให้ตอบสนองต่อการกระตุ้นแบบอื่นลดลง
    • การบาดเจ็บจากแรงกดดัน: พบใน 0.5% ของกรณีที่ใช้เทคนิคกระตุ้นที่รุนแรงเกินไป

    11. ความถี่ที่เหมาะสมตามวัย

    วัยความถี่ที่เหมาะสมหมายเหตุ
    วัยรุ่น (13-19)3-5 ครั้ง/สัปดาห์ร่างกายกำลังปรับตัว
    วัยผู้ใหญ่ต้น (20-35)2-4 ครั้ง/สัปดาห์ช่วงสมรรถภาพสูงสุด
    วัยกลางคน (36-50)1-3 ครั้ง/สัปดาห์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
    วัยสูงอายุ (51+)1-2 ครั้ง/สัปดาห์ขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวม

    12. เทคนิคการช่วยตัวเองอย่างปลอดภัย

    วิธีการที่แนะนำ

    • ใช้สารหล่อลื่นคุณภาพดีทุกครั้ง
    • เปลี่ยนท่าทางและวิธีการกระตุ้นเป็นครั้งคราว
    • จำกัดเวลาไม่เกิน 15-20 นาทีต่อครั้ง

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

    • การใช้เครื่องมือที่มีแรงดันหรือความร้อนสูง
    • การบีบรัดองคชาตมากเกินไป
    • การใช้สารเคมีหรือวัตถุแปลกปลอมที่ไม่เหมาะสม

    13. การประเมินว่าทำบ่อยเกินไปหรือไม่

    เกณฑ์ประเมิน

    • ใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
    • ส่งผลต่อหน้าที่การงานหรือความสัมพันธ์
    • รู้สึกไม่สามารถควบคุมได้
    • มีอาการทางกายเช่น อ่อนเพลียหรือปวดอวัยวะเพศ

    14. ทางเลือกเมื่อต้องการลดความถี่

    วิธีปฏิบัติ

    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • ฝึกสมาธิหรือโยคะ
    • หางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น

    15. ข้อมูลจากงานวิจัยล่าสุด (2023-2024)

    • การศึกษาในสวีเดนพบว่าการช่วยตัวเอง 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 33%
    • มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรายงานว่าการช่วยตัวเองไม่มีความสัมพันธ์กับภาวะหย่อนสมรรถภาพเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
    • การวิจัยในญี่ปุ่นแสดงว่าการช่วยตัวเองช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนหลับในผู้สูงอายุ

    บทสรุปสุดท้าย

    การช่วยตัวเองเป็นพฤติกรรมปกติที่สามารถส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อสุขภาพองคชาต ขึ้นอยู่กับความถี่และวิธีการ ปัจจัยสำคัญคือการรักษาสมดุลและสังเกตปฏิกิริยาของร่างกายตนเอง

    สุขภาพทางเพศที่ดีควรประกอบด้วย:

    1. ความเข้าใจในร่างกายตนเอง
    2. การรับฟังสัญญาณจากร่างกาย
    3. การดูแลสุขภาพโดยรวม
    4. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีข้อสงสัย

    การช่วยตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ควรรู้สึกผิด แต่ก็ไม่ควรกลายเป็นพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ การหาจุดสมดุลที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลคือกุญแจสำคัญสู่สุขภาพทางเพศที่ดีในระยะยาว

    การฉีดวัคซีน สำหรับเด็ก ตารางการฉีดวัคซีนพื้นฐาน หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ พฤติกรรมอันตรายที่อาจคุกคาม การตั้งครรภ์
    Anthony Bennett

    Related Posts

    อาหาร ติดฟัน? เคล็ดลับจัดการอย่างถูกวิธี

    August 12, 2025

    กูตะกีนาบาลู: ประตูสู่ยอดเขากินาบาลูริม ทะเล ยอร์นีโอ

    August 8, 2025

    ปราสาท โฮเฮนโซลเลิร์น: ปราสาทฟ้าสูงที่น่าหลงใหล

    August 7, 2025

    Comments are closed.

    Recent Posts
    • อาหาร ติดฟัน? เคล็ดลับจัดการอย่างถูกวิธี
    • จริงหรือไม่ที่การช่วยตัวเองบ่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อ สุขภาพ องคชาต?
    • อันตรายที่ซ่อนอยู่ของ โรคเบาหวาน จะรับมือได้อย่างไร?
    • กูตะกีนาบาลู: ประตูสู่ยอดเขากินาบาลูริม ทะเล ยอร์นีโอ
    • ปราสาท โฮเฮนโซลเลิร์น: ปราสาทฟ้าสูงที่น่าหลงใหล

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.