Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    jobthaidb
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    jobthaidb
    สุขภาพ

    สัญญาณของ การติดเชื้อ แผลที่ควรระวัง

    Anthony BennettBy Anthony BennettSeptember 17, 2025No Comments2 Mins Read

    บาดแผลเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน การติดเชื้อ ไม่ว่าจะจากอุบัติเหตุเล็กน้อย เช่น แผลถลอกจากการหกล้ม หรือบาดแผลจากการผ่าตัดที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด แม้บาดแผลส่วนใหญ่สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะที่มีความเสี่ยงและอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายอย่างรุนแรง

    การติดเชื้อแผลไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากได้รับบาดเจ็บเสมอไป แต่จะค่อย ๆ แสดงอาการที่บ่งบอกให้เราทราบ หากสามารถสังเกตและรู้จักสัญญาณเตือนเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันไม่ให้ลุกลามหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง


    สาเหตุที่ทำให้แผลติดเชื้อ

    ก่อนจะเข้าสู่สัญญาณของการติดเชื้อ ควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่อาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ ซึ่งได้แก่

    1. การปนเปื้อนของเชื้อโรคในบาดแผล
      เมื่อผิวหนังถูกทำลาย ระบบป้องกันตามธรรมชาติของร่างกายถูกเปิดทางให้เชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
    2. การทำความสะอาดแผลไม่เพียงพอ
      หากแผลไม่ได้รับการล้างทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เชื้อโรคและสิ่งสกปรกจะสะสมและก่อให้เกิดการติดเชื้อ
    3. การใช้วัสดุปิดแผลที่ไม่สะอาด
      ผ้าก๊อซหรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อสามารถเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและทำให้เกิดการติดเชื้อได้
    4. สภาพร่างกายของผู้ป่วย
      ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป
    5. สิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
      บริเวณที่มีฝุ่นละออง ความชื้นสูง หรือไม่สะอาด สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในแผล

    สัญญาณของการติดเชื้อแผลที่ควรระวัง

    1. บริเวณแผลมีรอยแดงและบวม

    หนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของการติดเชื้อคือการที่ผิวรอบ ๆ แผลเริ่มมีรอยแดง แดงลามกว่าขอบแผลปกติ และมีอาการบวมร่วมด้วย ความแดงและบวมนี้เกิดจากการอักเสบที่ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรค

    2. ความร้อนรอบแผล

    หากสัมผัสแล้วรู้สึกว่าบริเวณแผลมีอุณหภูมิสูงกว่าผิวหนังส่วนอื่น ๆ นั่นอาจบ่งบอกว่าแผลกำลังมีการอักเสบและอาจติดเชื้อ

    3. มีหนองหรือน้ำเหลืองไหลออกจากแผล

    หนองมักมีลักษณะขุ่น สีเหลือง เขียว หรือปนเลือด การมีหนองเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการติดเชื้อ เนื่องจากเกิดจากการที่ร่างกายกำลังต่อสู้กับแบคทีเรีย

    4. ปวดแผลมากขึ้นเรื่อย ๆ

    อาการปวดเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติของแผล แต่หากความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นแทนที่จะดีขึ้นตามเวลา อาจเป็นสัญญาณว่าแผลติดเชื้อและการอักเสบกำลังลุกลาม

    5. มีกลิ่นไม่พึงประสงค์

    แผลที่ติดเชื้อมักมีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นผิดปกติ ซึ่งเกิดจากการสะสมของเชื้อโรคและหนองในบาดแผล

    6. มีไข้หรืออาการทั่วไปผิดปกติ

    เมื่อเชื้อโรคจากบาดแผลเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายอาจตอบสนองด้วยการมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย หรือเวียนศีรษะ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปพบแพทย์

    7. แผลหายช้ากว่าปกติ

    โดยทั่วไป แผลเล็ก ๆ จะเริ่มแห้งและหายภายในไม่กี่วัน หากพบว่าแผลไม่แห้ง หรือลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นั่นอาจเป็นเพราะการติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม


    ภาวะแทรกซ้อนจากแผลติดเชื้อ

    หากละเลยสัญญาณเตือนและปล่อยให้แผลติดเชื้อโดยไม่รักษา อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น

    • การติดเชื้อไซนัสหรือกระดูก หากเชื้อลุกลามลึกเข้าสู่เนื้อเยื่อ
    • ภาวะโลหิตเป็นพิษ (Sepsis) เมื่อเชื้อแพร่เข้าสู่กระแสเลือด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
    • การสูญเสียอวัยวะบางส่วน หากเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนเนื้อตาย

    วิธีป้องกันการติดเชื้อแผล

    1. ล้างมือก่อนสัมผัสแผล
      การล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ช่วยลดการนำเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผล
    2. ทำความสะอาดแผลอย่างเหมาะสม
      ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสะอาดล้างคราบสกปรกออกจากแผล แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
    3. ใช้วัสดุปิดแผลที่ผ่านการฆ่าเชื้อ
      ผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ที่สะอาดช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม
    4. เปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างสม่ำเสมอ
      ควรเปลี่ยนผ้าก๊อซวันละ 1–2 ครั้ง หรือเมื่อมีการเปื้อนน้ำและสิ่งสกปรก
    5. สังเกตอาการผิดปกติอยู่เสมอ
      หากมีรอยแดง บวม หนอง หรือปวดมากขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

    เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ทันที

    • แผลมีหนองจำนวนมากหรือกลิ่นรุนแรง
    • มีไข้ร่วมกับอาการปวดและบวมของแผล
    • แผลเกิดบริเวณที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ใกล้ข้อต่อ มือ เท้า หรือใบหน้า
    • แผลไม่ดีขึ้นภายใน 5–7 วัน

    ตารางสรุป: สัญญาณการติดเชื้อแผลและแนวทางเบื้องต้น

    สัญญาณที่ควรระวังสาเหตุที่เป็นไปได้แนวทางเบื้องต้นที่ควรทำ
    แผลแดง บวม ร้อนการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียทำความสะอาดแผลใหม่ หากไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
    มีหนองหรือน้ำเหลืองขุ่นเชื้อโรคเจริญเติบโตในแผลหลีกเลี่ยงการบีบหนอง ปิดแผลสะอาด และไปพบแพทย์
    ปวดแผลมากขึ้นเรื่อย ๆการอักเสบลุกลามประคบเย็นเพื่อลดอาการชั่วคราว และรีบตรวจรักษา
    มีกลิ่นเหม็นผิดปกติการสะสมของเชื้อและเนื้อตายเปลี่ยนผ้าปิดแผลใหม่ รีบไปโรงพยาบาลทันที
    มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลียเชื้อโรคเริ่มแพร่เข้าสู่กระแสเลือดเข้ารับการรักษาโดยแพทย์โดยเร็วที่สุด
    แผลหายช้าผิดปกติการติดเชื้อหรือโรคประจำตัว เช่น เบาหวานตรวจสุขภาพและประเมินการรักษาที่เหมาะสม

    แนวทางการดูแลตนเองเมื่อสงสัยแผลติดเชื้อ

    1. ไม่บีบหรือแกะแผล
      การพยายามบีบหนองออกเองอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายลึกขึ้นและเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าเดิม
    2. ทำความสะอาดแผลอย่างถูกวิธี
      ล้างด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์เข้มข้นหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซ้ำ ๆ เพราะอาจทำลายเนื้อเยื่อที่กำลังสมาน
    3. ใช้ผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ที่สะอาด
      ปิดแผลเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ควรปิดแน่นจนเกินไป
    4. สังเกตอาการทุกวัน
      หากพบความผิดปกติ เช่น รอยแดงลาม บวมมากขึ้น หรือมีกลิ่น ควรรีบไปพบแพทย์
    5. รับประทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย
      อาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามินซี และสังกะสี เช่น เนื้อปลา ไข่ ส้ม และถั่ว จะช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น
    6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้แผลหายช้า
      การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี ส่งผลให้แผลสมานช้าและเสี่ยงติดเชื้อ

    การรักษาทางการแพทย์เมื่อแผลติดเชื้อ

    หากแผลติดเชื้อจริง แพทย์อาจใช้วิธีดังนี้

    • ให้ยาปฏิชีวนะ ทั้งในรูปแบบยาทา ยากิน หรือยาฉีด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ
    • ทำแผลโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขจัดหนองและเนื้อตาย ลดการสะสมของเชื้อโรค
    • การผ่าตัดเล็ก ในกรณีที่มีการติดเชื้อลึกหรือต้องเปิดระบายหนอง
    • การดูแลต่อเนื่อง เช่น การทำแผลซ้ำ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

    คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้สูงอายุ

    1. ผู้ป่วยเบาหวาน

    ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อแผล เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลง เลือดไหลเวียนไม่ดี และเส้นประสาทเสื่อม ทำให้บางครั้งไม่รู้ตัวว่าเกิดบาดแผล โดยเฉพาะที่เท้า

    • ตรวจเท้าทุกวัน เพื่อสังเกตว่ามีรอยถลอก พุพอง หรือแผลเล็ก ๆ หรือไม่
    • ใส่รองเท้าที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงรองเท้าที่บีบรัดหรือเสียดสีจนเกิดแผล
    • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างเคร่งครัด เพื่อให้แผลสมานตัวได้เร็ว
    • รีบพบแพทย์ทันที หากแผลมีอาการผิดปกติ เช่น แดง บวม หนอง หรือหายช้า

    2. ผู้สูงอายุ

    ผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันลดลงและผิวหนังบางลง ทำให้เกิดบาดแผลได้ง่ายและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

    • ดูแลสุขอนามัยผิวหนัง โดยอาบน้ำทุกวันและทาครีมบำรุงผิวเพื่อลดการแตกแห้ง
    • หลีกเลี่ยงการล้มและการกระแทก ด้วยการจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย
    • รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินสูง เพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเสริมภูมิคุ้มกัน
    • พบแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสุขภาพและดูแลโรคประจำตัวที่อาจทำให้แผลหายช้า เช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ

    เช็กลิสต์ 10 ข้อปฏิบัติ เพื่อป้องกันและรับมือการติดเชื้อแผล

    1. ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสแผล
      เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลโดยไม่ตั้งใจ
    2. ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาด
      หลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่ไม่สะอาดหรือสมุนไพรสดที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ
    3. ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์ที่สะอาด
      เปลี่ยนใหม่ทุกวันหรือเมื่อเปียก/สกปรก
    4. ห้ามแกะ เกา หรือบีบหนอง
      เพราะอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายลึกลงไป
    5. สังเกตอาการผิดปกติของแผลทุกวัน
      เช่น แดง บวม ร้อน หนอง หรือกลิ่นผิดปกติ
    6. หากมีอาการแย่ลง ให้รีบพบแพทย์
      ไม่ควรรอจนติดเชื้อรุนแรงหรือมีไข้สูง
    7. รับประทานอาหารที่ช่วยซ่อมแซมร่างกาย
      เลือกอาหารที่มีโปรตีน วิตามินซี และสังกะสีสูง
    8. หลีกเลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์
      เพราะทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี แผลหายช้า และติดเชื้อง่าย
    9. ผู้ป่วยเบาหวานต้องตรวจเท้าและผิวหนังทุกวัน
      พร้อมทั้งควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    10. ผู้สูงอายุควรดูแลสิ่งแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัย
      เพื่อลดโอกาสเกิดบาดแผลจากการลื่นล้มและอุบัติเหตุเล็กน้อย

    สรุปส่งท้าย

    การติดเชื้อแผลไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ การใส่ใจดูแลแผลตั้งแต่แรก สังเกตสัญญาณผิดปกติ และปฏิบัติตามเช็กลิสต์ 10 ข้อนี้ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และลดโอกาสเกิดการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานและผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง การดูแลอย่างใกล้ชิดและการพบแพทย์เมื่อจำเป็น คือหัวใจสำคัญของการป้องกันอันตรายจากแผลติดเชื้อ

    การฉีดวัคซีน สำหรับเด็ก ตารางการฉีดวัคซีนพื้นฐาน จาก นิวยอร์ค สู่แกรนด์แคนยอน ท่องเที่ยวพักผ่อนในสหรัฐอเมริกา วันหยุดในออสเตรเลีย กิจกรรมสนุก ๆ และเคล็ดลับการประหยัดเงิน สัญญาณของ การติดเชื้อ แผลที่ควรระวัง อันตรายจาก เหงื่อ ออกมากเกินไปต่อสุขภาพร่างกาย
    Anthony Bennett

    Related Posts

    ล่องเรือไปกับ Hurtigruten: การเดินทางริม ชายฝั่ง อันไร้กาลเวลา

    September 14, 2025

    ไม่ใช่แค่การอด นอน การนอนมากเกินไปก็ส่งผลต่อหัวใจเช่นกัน

    September 12, 2025

    อย่ามองข้าม! นิสัยการดูแล เล็บ มีผลต่อสุขภาพโดยรวม

    September 11, 2025

    Comments are closed.

    Recent Posts
    • Gulai Cubadak – แกง ขนุน อ่อนแสนอร่อยจากเมืองปาดัง
    • บรูสเกตต้า (อิตาลี): ขนมปัง ปิ้งกับมะเขือเทศสดและใบโหระพา
    • สัญญาณของ การติดเชื้อ แผลที่ควรระวัง
    • ล่องเรือไปกับ Hurtigruten: การเดินทางริม ชายฝั่ง อันไร้กาลเวลา
    • ไม่ใช่แค่การอด นอน การนอนมากเกินไปก็ส่งผลต่อหัวใจเช่นกัน

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.